ดอกไม้ประจำจังหวัดจันทบุรี
| ||||||||||||||||||
|
วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ดอกไม้ประจำจังหวัดตราด
| |
| |
ชื่อดอกไม้ | ดอกกฤษณา |
ชื่อสามัญ | Eagle Wood, Lignum Aloes, Agarwood, Aloe Wood, Calambac, Aglia, Akyaw |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Aquilaria subintegra Ding Hau |
วงศ์ | THYMELAEACEAE |
ชื่ออื่น | กฤษณา (ภาคตะวันออก), กายูการู กายูกาฮู (มาเลเซีย ปัตตานี), ไม้หอม (ภาคตะวันออก ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 20-30 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นตรง เรือนยอดเป็นพุ่มทรงเจดีย์ เนื้อไม้มีสีขาว ต้นไม้ชนิดนี้หากมีบาดแผลซึ่งอาจเกิดจากการตัด แมงเจาะใช หรือเป็นโรคจะขับสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในลำต้นออกมาทำหน้าที่ ต้านความผิดปกติเหล่านั้น ทำให้บริเวณที่เกิดแผลดังกล่าวเปลี่ยน เป็นสีดำและก่อตัวเป็นผลึก ทำให้เกิดความแข็งแกร่งของเนื้อไม้ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า &กฤษณา" มีกลิ่นหอม ความผิดปกติ จะขยายไปเรื่อยๆ ทำให้สีดำมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแก่นกฤษณา ที่มีสีดำนั้น ถือว่าเป็นไม้คุณภาพชั้นหนึ่ง มีราคาสูงมาก หากมีสีน้ำตาลเทา คุณภาพจะรองลงมา ถ้ามีสีเหลืองปนดำ ถือว่าเป็นคุณภาพต่ำ ซึ่งไม้กฤษณาเป็นสินค้าที่นำมาทำ หัวน้ำหอม ตลอดจนเครื่องหอมหลายชนิด |
การขยายพันธุ์ | เพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ที่ชุ่มชื้นตามป่าดงดิบชื้นและแล้ง หรือที่ราบใกล้กับแม่น้ำ ลำธาร สามารถขึ้นได้ในที่สูงถึง 1,100 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางหรือมากกว่า |
ถิ่นกำเนิด | พบในป่าดงดิบของจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด |
ดอกไม้ประจำจังหวัดชลบุรี
| ||||||||||||||||||
|
วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ดอกอินทนิลน้ำ
ดอกไม้ประจำจังหวัดสกลนคร
ดอกไม้ประจำจังหวัด | สกลนคร |
ชื่อดอกไม้ | ดอกอินทนิลน้ำ |
ชื่อสามัญ | Queen’s Flower, Queen’s Crape Myrtle, Pride of India |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Lagerstroemia speciosa Pers. |
วงศ์ | LYTHRACEAE |
ชื่ออื่น | ฉ่วงมู (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ตะแบกดำ (กรุงเทพฯ), บางอ บะซา (มลายู-ยะลา, นราธิวาส), บาเอ บาเย (ปัตตานี), อินทนิล (ภาคกลาง), อินทนิลน้ำ (ภาคกลาง, ภาคใต้) |
ลักษณะทั่วไป | เป็นไม้ยืนต้นสูง 10–15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ผิวเปลือกนอกสีเทา ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบมน ดอกย่อยขนาดใหญ่ กลีบดอกสีชมพู สีม่วงแกมชมพู หรือสีม่วง ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ผลเป็นผลแห้ง มีขนาดใหญ่ |
การขยายพันธุ์ | โดยการเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | ดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง |
ถิ่นกำเนิด | ที่ราบลุ่มริมน้ำ ป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบทั่วไป |
ดอกพะยอม
ดอกไม้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์, พัทลุง
ดอกไม้ประจำจังหวัด | กาฬสินธุ์, พัทลุง |
ชื่อดอกไม้ | ดอกพะยอม |
ชื่อสามัญ | Shorea white Meranti |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Shorea talura Roxb. |
วงศ์ | DIPTEROCARPACEAE |
ชื่ออื่น | กะยอม (เชียงใหม่), ขะยอม (ลาว), ขะยอมดง พะยอมดง (ภาคเหนือ), แคน (ลาว), เชียง เซี่ยว (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), พะยอม (ภาคกลาง), พะยอมทอง (สุราษฎร์ธานี, ปราจีนบุรี), ยางหยวก (น่าน) |
ลักษณะทั่วไป | พะยอมเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15–20 เมตร ทรงพุ่มกลม ผิวเปลือกสีน้ำหรือเทา เนื้อไม้มีสีเหลืองแข็ง ลำต้นแตกเป็นร่องตามยาวมีสะเก็ดหนา ใบเป็นรูปมนรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบมน ขอบใบเรียบ ด้านหลังใบมีเส้นใบชัด ดอกออกเป็นช่อ ใหญ่ส่วนยอดของต้น ดอกมีกลีบ 3 กลีบ โคนกลีบดอกติดกับก้านดอกมีลักษณะกลม กลีบดอกเรียบโค้งเล็กน้อย มีสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอม |
การขยายพันธุ์ | การเพาะเมล็ด |
สภาพที่เหมาะสม | สภาพดินทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง สามารถปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีมาก |
ถิ่นกำเนิด | พบตามป่าผลัดใบ และป่าดิบ เป็นไม้พื้นเมืองของเอเชีย ไทย, พม่า, มาเลเซีย |
วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556
ดอกไม้ประจำจังหวัดมุกดาหาร
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ดอกไม้ประจำวันแม่
ดอกมะลิ ดอกไม้ วันแม่
วันแม่ ใน สมัยก่อนนั้นไม่มีการกำหนดวันแม่ให้แน่ชัดเนื่องจากเกิดเหตุการณ์หลายอย่าง การจัดวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2486 ณ สวนอัมพร แต่เนื่องจากช่วงนั้น เป็นช่วงสงครามโลก ปีต่อมาจึงงด หลายฝ่ายพยายามรื้อฟื้นวันแม่ขึ้นมา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และได้วันที่เป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน เริ่มขึ้นในปี 2493 จัดในวันนี้ไปอีกหลายปีแต่ต้องหยุดชะงักลง เพราะกระทรวงวัฒนธรรมโดนยุบ ต่อมาได้กำหนดจัดวันแม่วันที่ 4 ตุลาคม เริ่มในปี 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี 2519 คณะกรรมการอำนวยการ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม่โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา
เหตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับ ความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย…
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)