อนาคตของไม้ตัดดอกเขตร้อนของไทย
ดอกไม้ที่นิยมใช้กันมากที่สุด 10
อันดับแรกของของโลกได้แก่ กุหลาบ เบญจมาศ
คาร์เนชั่น ลิลลี่ ฟรีเซีย เยอบีร่า กล้วยไม้ (ซิมบีเดียม) จิบโฟฟิลล่า
และ อัลสโตรมีเรีย
การใช้ไม้ตัดดอกของโลกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ในปี 2533 มีมูลค่า 675,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น
11% จากปี 2528 ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและอิตาลี
เป็นประเทศที่ใช้ไม้ตัดดอกมากที่สุด
คิดเป็น 27%, 23% และ 16% ตามลำดับ ขณะที่เนเธอร์แลนด์
โคลัมเบีย และอิสราเอล
เป็นประเทศผู้ส่งออกไม้ตัดดอก
สู่ตลาดโลกมากที่สุด
คนไทยนิยมใช้ดอกไม้เพื่อปลูกตกแต่งบ้านเรือน
และใช้ในพิธีกรรมทางศาสนามาช้านานแล้ว
แต่ดอกไม้เริ่มมีบทบาท สำคัญทางเศรษฐกิจ
เมื่อประมาณ 30 ปีนี้เอง
ประเทศไทยเริ่มมีการปลูกและส่งดอกกล้วยไม้ไปจำหน่ายต่างประเทศ
และในระยะ 10 ปี
ที่ผ่านมาความต้องการใช้ดอกไม้ภายในประเทศมีเพิ่มสูงขึ้น
จึงมีการปลูกเพื่อการค้าเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกไม้ตัดดอกรวมกันประมาณ
40,000 ไร่ เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2529
ไม้ดอกที่นิยมปลูก
กันมากที่สุดได้แก่ กล้วยไม้ มะลิ และกุหลาบ
ซึ่งมีพื้นที่ปลูก คิดเป็น 36%, 15.2%, และ 9.2%
ตามลำดับ ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา
ไม้ดอกเมืองร้อนหลายชนิด เช่น ดาหลา ปทุมมา
ขิงแดง ธรรมรักษา
ที่ไม่เคยมีการปลูกเป็นการค้าอย่าง
จริงจังมากก่อนมีการปลูกมากถึง 303 ไร่
ในปี 2537
และยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ดอกไม้ตัดดอกเขตร้อนที่สำคัญที่ปลูกเพื่อการค้าอยู่ในประเทศขณะนี้
เช่น กล้วยไม้ บัวตัดดอก ซ่อนกลิ่นไทย ปทุมมา
ธรรมรักษา ดาหลา หน้าวัว
และอีกหลายชนิดที่มีแนวโน้มว่าจะมีการปลูกเพื่อการค้าเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิดได้แก่
ขิงแดง เอื้งหมายนา กล้วยตัดดอก
สับปะรดตัดดอก คล้าตัดดอก ขิงอินโดนีเซีย
บานไม่รู้โรย สร้อยทอง
ล้วนเป็นไม้ตัดดอกที่น่าสนใจเพราะปลูกเลี้ยงดูแลรักษาง่าย
เจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย
การลงทุนไม่สูงนัก
แต่พืชเหล่านี้ยังไม่ได้รับความสนใจมากนักเพราะอาจจะเป็นพืชที่อยู่ใกล้ตัวเกินไป
มองเห็นเป็นความเคยชิน
และเคยอยู่อย่างไร้ค่ามาก่อนหรือบางชนิดก็ใหม่เสียจนไม่เป็นที่รู้จัก
พืชเหล่านี้เลยไม่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจัง
ดังนั้นเทคโนโลยีการผลิตไม้ดอกเมืองร้อนที่จะนำไปเป็นข้อมูลส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นการค้าจึงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญที่สุด
การเริ่มต้นที่จะกำหนดอนาคตพืชเหล่านี้
จึงน่าจะอยู่ที่ทางนักวิชาการควรหันมาให้ความสำคัญกับการศึกษาเรื่องดอกไม้เมืองร้อนให้มากขึ้นไปพร้อม
ๆ กับการส่งเสริมให้ประชาชนรัก
และบริโภคไม้ดอกเมืองร้อนให้กว้างขวางมากขึ้น
ซึ่งอาจจะมีผลให้ลดการนำเข้าดอกไม้เมืองหนาว
และสามารถส่งออกไม้ดอกเมืองร้อนเพิ่มมากขึ้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น